งานวิจัย

ปัญญาประดิษฐ์เพื่อการเกษตร เป็นสาขาวิชาืั้ประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์มาวิเคราะปริมาณต่่าง ท ี่เกี่ยวข้องกับการเกษตร

การวิจัยนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาผลของความหนาแน่นของสารละลายและความยาวคลื่นแสงต่อค่า
ดัชนีหักเหในสารละลายโซเดียมคลอไรด์ความเข้มข้นร้อยละ 5–25 โดยมวล ที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเชียส
และใช้เลเซอร์เป็นแหล่งก าเนิดแสงสีแดงความยาวคลื่น 650±10 นาโนเมตร สีน้ าเงิน 532±10 นาโนเมตร
และสีเขียว 450±10 นาโนเมตร ผลการศึกษาพบว่า ในทุกความยาวคลื่น ดัชนีหักเหของสารละลายโซเดียม
คลอไรด์มีค่าเพิ่มขึ้นแบบเชิงเส้นแปรผันโดยตรงกับความเข้มข้นของสารละลาย โดยค่าดัชนีหักเหจะเพิ่มขึ้น
ตามการเพิ่มขึ้นของความเข้มข้น ในขณะที่ค่าดัชนีหักเหของสารละลายโซเดียมคลอไรด์แปรผกผันกับ
ความยาวคลื่นของแสง โดยค่าดัชนีหักเหจะลดลงตามการเพิ่มขึ้นของความยาวคลื่น ซึ่งสอดคล้องกับ
กฎการหักเหของสเนลล์ เมื่อสารละลายมีความเข้มข้นเพิ่มขึ้น สารละลายจะมีความหนาแน่นหรือปริมาณ
โมเลกุลมากขึ้น ท าให้แสงเดินทางในสารละลายได้ช้าลงจึงท าให้แสงเกิดการหักเหมากขึ้น ดังนั้นค่าดัชนีหักเห
จึงเพิ่มขึ้น และคลื่นแสงที่มีความยาวคลื่นยาวกว่าจะมีพลังงานต่ ากว่า ดังนั้นโมเลกุลของสารละลายจึงเกิด
การสั่นสะเทือนด้วยพลังงาน ต่ ากว่าจึงท าให้แสงเกิดการหักเหลดลง ส่งผลให้ค่าดัชนีหักเหลดลง
ค าส าคัญ: ดัชนีหักเห, สารละลายโซเดียมคลอไรด์, ความยาวคลื่น, ความเข้มข้น

การวิจัยนี้มีจุดประสงค์เพื่อประยุกต์ใช้กล่องสมองกลฝังตัว WIO Terminal ศึกษาการดูดกลืนแสง
ของสารละลายแอมโนเนียมคลอไรด์ความเข้มข้น 2.00 -10.00 มิลลิกรัมต่อลิตร โดยใช้แอลอีดีโมดูล เค-วาย
016 เป็นแหล่งก าเนิดแสงที่ความยาวคลื่น 475±5.00 (สีน้ าเงิน) 520±5.00 (สีเขียว) และ 630±5.00 นาโน
เมตร (สีแดง) ผลการศึกษาพบว่า สารละลายแอมโมเนียมคลอไรด์ทุกความเข้มข้นสามารถดูดกลืนแสง
ความยาวคลื่น 475±5.00 นาโนเมตร ได้สูงกว่าความยาวคลื่นแสงสีเขียวและสีแดง และค่าการดูดกลืนแสง
เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของความเข้มข้นของสารละลาย โดยมีค่าการดูดกลืนแสงสูงสุดร้อยละ 85.10 ±1.68.
ที่ความเข้มข้น 10.00 มิลลิกรัมต่อลิตร ความยาวคลื่น 475±5.00 นาโนเมตร และมีค่าการดูดกลืนแสงต่ าสุด
3.94± 0.78 ความเข้มข้น 2.00 มิลลิกรัมต่อลิตร ที่ความยาวคลื่น 630 นาโนเมตร
ค าส าคัญ: การดูดกลืนแสง, แอมโมเนียมคลอไรด์ ,กล่องสมองกลฝังตัว, ความเข้มข้นของสารละลาย

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาค่าความร้อน ปริมาณความชื้นและปริมาณเถ้าของถ่านอัดแท่งที่ทำจากถ่าน
ไม้มังคุดผสมคาร์บอนแบล็คในปริมาณ 20 30 และ 40 กรัม โดยผสมผงคาร์บอนแบล็คลงในถ่านไม้มังคุดบดละเอียด
ปริมาณ 3.0 กิโลกรัม โดยใช้แป้งมันสำปะหลัง 0.25 กิโลกรัมและน้ำ 2.0 ลิตร เป็นตัวประสาน แล้วอัดแท่งด้วยวิธีอัดเย็น
จากนั้นทำการศึกษา ทางความร้อนตามมาตรฐาน ASTM ผลการศึกษาพบว่า การเพิ่มปริมาณคาร์บอนแบล็คในถ่านไม้
มังคุดอัดแท่งส่งผลให้ถ่านอัดแท่งมีค่าความร้อนเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณความชื้นและปริมาณเถ้ามีค่าลดลง โดยถ่านไม้มังคุดอัด
แท่งและถ่านไม้มังคุดอัดแท่งผสมคาร์บอนแบล็คมีค่าความร้อน 25,477- 25,699กิโลจูลต่อกิโลกรัม ซึ่งมีค่าสูงกว่าค่าตาม
มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนถ่านอัดแท่ง (มผช.238/2547) ในขณะที่ถ่านอัดแท่งไม้มังคุดผสมคาร์บอนแบล็คปริมาณ มี
ปริมาณความชื้นและปริมาณเถ้าร้อยละ 9.44 – 6.94และ 9.10 - 3.88 ตามลำดับ ซึ่งต่ำกว่าค่ามาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน
ถ่านไม้(มผช. 657/2547) ที่กำหนดปริมาณความชื้นและปริมาณเถ้าไว้ไม่เกินร้อยละ 10 และ 8.0 ตามลำดับ ดังนั้นสรุป
ได้ว่าการเติมคาร์บอนแบล็คลงในถ่านอัดแท่งไม้มังคุดสามารถปรับปรุงทางความร้อนได้ทําให้เป็นแหล่งเชื้อเพลิงที่มี
ประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างไรก็ตามการเติมคาร์บอนแบล็คในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้ถ่านอัดแท่งมีเนื้อแน่นเกินไปซึ่ง
ส่งผลให้ถ่านอัดแท่งแตกหักง่าย ดังนั้น อาจศึกษาปริมาณคาร์บอนแบล็คที่เหมาะสมในการปรับปรุงสมบัติทางความร้อน
ของถ่านไม้มังคุดอัดแท่งผสมคาร์บอนแบล็คให้มีประสิทธิภาพสูงสุด